ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะทำให้โฆษณาเราเป็นโฆษณาที่สร้างความแตกต่างได้ คือคำพูดที่น่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้ชมหรือลูกค้าเข้ามาดู
ดังนั้นถ้าเรามีคำพูดที่ดีก็เท่ากับว่าเราได้ชัยไปกว่าครึ่ง! ซึ่งการเขียนโฆษณานี้เราจะเรียกมันว่า "Copywriting" สำหรับบางคนที่ไม่ได้ทำงานในสายอาชีพโฆษณา อาจะมีข้อสงสัยว่า “Copy” แปลว่าอะไร? จะใช่คำเดียวกับที่แปลว่า '"ฉบับ" หรือ "สำเนา" รึป่าวนะ?

จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย! เพราะ คำว่า Copy ในที่นี้หมายถึงข้อความที่เขียนลงไปเพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการ และเมื่อนำคำว่า Writing เข้ามาผสมกันจะกลายเป็นคำว่า Copywriting ที่หมายถึงการเขียนคำโฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าหรือผู้ชม การเขียนคำโฆษณาเหล่านี้จะรวมไปถึงการเขียนเพื่อโปรโมทตามสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อแบบ Traditional อย่างใบปลิว แผ่นพับ สปอตวิทยุ แคตตาล็อก หรือจะอยู่ในสื่อออนไลน์รูปแบบใหม่ อย่างบนเว็ปไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือสคริปต์ที่ใช้ในวิดีโอ
ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นคำที่กระชับ เข้าใจง่าย สื่อสารตรงประเด็น หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นวลีเด็ดที่เป็นมักจะคำที่ติดหู และตัวอย่าง Copywriting ที่เราเคยพบเจอกันในชีวิตประจำวันคือ

- คิดจะพักคิดถึงคิทแคท
- หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา 7-Eleven
- ทุกหยดซ่าส์ โซดาสิงห์
- การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า
- ไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน หลับเต็มตื่น ด้วยชุด เครื่องนอนโตโต้
วลีเด็ดเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลย ถ้าหากขาดตำแหน่งหรือหน้าที่ที่เรียกว่า Copywriter เพราะเขาคือคนที่รังสรรค์คำพูดไม่ว่าจะสั้นหรือยาว ซึ่งหน้าที่ของการเป็น Copywriter ที่ดีนั้นนอกจากจะคิดคำพูดหรือข้อความที่สวยหรูแล้ว คำพูดเหล่านั้นต้องเป็นคำที่สามารถสื่อสารให้ผู้ชมเข้าใจในตัวสินค้าได้ดีอีกด้วย
ถึงแม้ว่าการเขียน Copywriting จะต้องใช้ระยะเวลาและความชำนาญในการฝึกฝนจนกว่าจะได้คำพูดที่ดี แต่ทาง DOPE EYES มีทางลัดมาแนะนำให้คุณเองก็สามารถเขียน Copywriting ให้มัดใจผู้ชมได้เช่นกัน!
เข้าใจสินค้าหรือบริการของสิ่งที่เราจะขาย

ก่อนที่จะไปเริ่มต้นทำอะไร สิ่งแรกเลยที่เราควรทำคือการนั่งทำความเข้าใจรายละเอียดต่าง ๆ รวมไปถึงจุดเด่น และจุดด้อยของสินค้าเรา เพื่อช่วยให้เรามีข้อมูลพื้นฐานในการต่อยอดคำพูดดี ๆ เพราะถ้าหากเราไม่เข้าใจตัวสินค้าจริง ๆ แล้วเกิดเลือกใช้คำและสื่อสารออกมาถึงกลุ่มเป้าหมาย ก็เท่ากับว่าคำพูดหรือ Copy เหล่านั้นไร้ความหมาย
ทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้า (Customer Persona)

การทำความรู้จักกับกลุ่มลูกค้าเป็นสิ่งที่ Copywriter ไม่ควรมองข้ามเพราะลูกค้าแต่ละคนก็มีความชอบ ความสนใจ และประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าจะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้คำให้โดนใจพวกเขา ส่งผลให้คำโฆษณาของเราเกิดผลนั่นเอง และวิธีง่าย ๆ เพื่อให้เราได้รู้จักกลุ่มลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้นคือการสร้าง Customer Persona
การสร้าง Customer Persona เป็นการที่เรากำหนดลักษณะของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ ความสนใจ เงินเดือนที่ได้รับ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ปัญหาที่เค้ากำลังพบอยู่ Pain Point ที่เขาเจอจากการใช้สินค้า หรือเป็นเป้าหมายในชีวิตที่เขาตั้งใจไว้ เพื่อเป็นการกำหนดว่าลูกค้าที่จะเข้ามาดูสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเรานั้นเป็นคนแบบไหน เราจะได้เลือกใช้คำให้ตอบโจทย์ลูกค้านั่นเอง
ใช้หลักการ FOMO (Fear of Missing Out)

เพื่อเป็นการแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าหากเค้าไม่เลือกสินค้าของเรา เขาจะเสียอะไรไปบ้าง ซึ่งเราสามารถเลือกใช้หลักการ FOMO หรือ Fear of Missing Out เข้ามาช่วยได้ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันส่วนใหญ่จะไม่อยากพลาด หรือตกเทรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มลูกค้ายุคมิลเลนเนียล (Millennials) ยิ่งเราโชว์ประโยชน์ของสินค้าของเราให้ลูกค้าเห็นภาพมากขึ้นเท่าใด จะยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าเขาควรต้องมีสินค้านั้นไว้ครอบครองเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์!
วางผลิตภัณฑ์เข้าไปในชีวิตของผู้คน
เทคนิคนี้เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่บริษัทดังอย่าง Apple เลือกใช้เนื่องจากทุก ๆ ปี Apple จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad MacBook หรือจะเป็นอุปกรณ์อื่น ๆ และเมื่อมีสินค้าเปิดตัวใหม่ มันไม่แปลกใจเลยที่เราจะกดเข้าเว็ปไซต์ไปเพื่อดูรายละเอียดสินค้า แต่เมื่อกดเข้าไปแล้วกลับกลายเป็นว่าเราไม่สามารถอดใจเลื่อนดูสินค้าอย่างอื่นต่อได้เลย นั่นเป็นเพราะ Apple เลือกใช้คำให้ลูกค้าเห็นว่าสินค้าของเขามีประโยชน์ สามารถช่วยให้ชีวิตของเขาสะดวกสบายขึ้น และตัวอย่างที่น่าจะทำให้ทุกคนเห็นภาพได้มากขึ้น คือโฆษณาล่าสุดของ Iphone 13 ที่ใช้ Copy โฆษณาว่า “Iphone 13 ขี่วนไป หรือ Doin’ Laps” สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าเด็กจะขี่จักรยานไปนานแค่ไหน ก็ยังสามาถใช้ Iphone 13 ได้อยู่ จะเห็นได้ว่าถึงแม้จะไม่ได้เป็นการใช้คำพูดเพื่อขายของตรง ๆ แต่สามารถแสดงให้เห็นคุณสมบัติของ Iphone ที่มีแบตเตอรี่ที่ทนทานได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สรุปแล้วไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร การเขียน Copywriting ที่ดีนั้นมีองค์ประกอบไม่มากขอแค่คุณเลือกคำให้เหมาะ ถูกกลุ่มเป้าหมาย ถูกเวลา ถูกจังหวะ และถูกที่เท่านี้การเขียน Copywriting ให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ยากเกินเอื้อมแล้วครับ
Comments