ใกล้จะหมดลงไปแล้วกับปี 2022 เป็นประจำทุกปีที่วงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวงการออกแบบ แฟชั่น หรือศิลปะต่าง ๆ จะต้องออกมาคาดการณ์ถึงเทรนด์ในปีหน้า และแน่นอนว่าอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความสนใจ อยู่เสมอก็คือเทรนด์สีนั่นเอง และตอนนี้ TCDC ก็ได้ออกนิตยสารที่รวบรวมการวิเคราะห์ เทรนด์โลกต่าง ๆ มาให้เราได้อ่าน รวมไปถึงเทรนด์สีของปีที่กำลังจะมาถึงอย่างปี 2023 อีกด้วย สีประจำปี 2023 ทั้ง 7 สีนี้จะสะท้อนบรรยากาศของโลกในปัจจุบัน อารมณ์ความรู้สึก และสภาวะจิตใจของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่สีทั้ง 7 จะอยู่ในกลุ่มสีออร์แกนิกที่เป็นตัวเเทนของการ มองโลกในแง่ดี การฟื้นฟู เเละความอ่อนโยน เพราะต่อจากนี้การดูแลสุขภาพจิตใจจะกลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญในทุก ๆ วัน
1. Elfin Yellow สีเหลืองอ่อน
สีแรกได้แก่ Elfin Yellow หรือสีเหลืองอ่อน สีเหลืองอ่อนถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่สีมินิมอล และสีในหมวดหมู่นี้ก็มักจะได้รับการคาดการณ์ว่าจะเป็นสีที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ สีเหลืองอ่อนมักถูกใช้เป็นสีพื้นเพื่อจับคู่กับกับสีอื่น ๆ เนื่องจากเป็นสีที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน ออร์แกนิก เป็นธรรมชาติ และสบายตา รวมทั้งปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์ยังมุ่งเน้นเรื่องการรักษาสิ่งเเวดล้อม วัสดุบางประเภทเมื่อนำไปรีไซเคิลจะได้ออกมาเป็นเฉดสีเหลืองคล้ายกับสี Elfin Yellow ดังนั้นเฉดสีนี้จึงกลายเป็นตัวแทนของการรีไซเคิล ไม่เพียงเท่านี้สีเหลืองอ่อนยังถูกจัดเป็นหนึ่งในสีที่บ่งบอกถึงทัศนคติของการมุ่งไปสู่อนาคตที่ดีกว่า หลังจากเกิดสงครามหรือ เหตุการณ์วุ่นวาย เช่นเดียวกับโลกของเราในปัจจุบัน ที่มีทั้งสถานการณ์โควิด-19 และสงครามต่าง ๆ ในหลาย ๆ ประเทศ การใช้สีเหลืองอ่อนร่วมกับแพตเทิร์นที่เรียบง่ายนั้นจะให้สัมผัสที่อ่อนโยน ช่วยมอบความเข้มแข็งพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าให้แก่ผู้คนได้
2. Golden Apricot สีส้มแอปริคอต
สีที่สองของปี 2023 คือ Golden Apricot หรือสีส้มแอปริคอต ปัจจุบันผู้คนมีพฤติกรรมที่เรียกว่าอาการ Nostalgia หรือการโหยหาอดีตมากขึ้น ซึ่งสีเฉดนี้เคยเป็นที่นิยมมากในยุค 80 จึงมีการคาดการณ์ว่าในช่วงฤดูร้อนของปี 2023 จะต้องเต็มไปด้วยแฟชั่น Summer Nostalgia อย่างแน่นอน สีส้มแอปริคอตถูกยกให้เป็นตัวเเทนของความโรแมนติกแนวใหม่ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเเละสนุกสนาน และยังให้ความรู้สึกเหมือนสัมผัสแสงแดดอุ่นๆ ได้รับรู้ถึงความงามของธรรมชาติ เฉดสีนี้จึงนิยมนำมาออกแบบเสื้อผ้าเด็ก เพื่อกระตุ้นความสนุกสนาน ความคิดสร้างสรรค์ และอิสระในการเติบโตของเด็ก ๆ
3. Lime Green สีเขียวมะนาว
สีต่อมาก็หนีไม่พ้น Lime Green หรือ สีเขียวมะนาว ซึ่งก็มาจากสีเขียวนีออนที่ถูกลดความฉูดฉาดลงให้เป็นสีที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นสีเขียวมะนาวจึงเป็นตรงกลางที่ลงตัวไม่เจิดจ้าเกินไป แต่ก็ยังคงความจี๊ดจ๊าดสดใสเอาไว้ และยังเป็นโทนสีของคนทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้นถ้าเราลองสังเกตดี ๆ จะพบว่าสินค้าที่วางตัวเองเป็น Unisex หลายอย่างมักจะใช้สีเขียวมะนาว หรือสีโทนเขียวนีออนในสินค้าของตัวเอง เช่น แบรนด์ Adidas ที่ใช้สีเขียวนีออนเป็นพื้นรองเท้าของรองเท้ารุ่น Stan Smith แม้จะเป็นการขบถต่อสินค้าคลาสสิกแต่ Adidas ต้องการแสดงให้เห็นว่า สินค้าของตัวเองเป็นรองเท้าของคนทุกเพศไม่มีการแบ่งเเยกชาย หญิงนั่นเอง
4. Deep Lake สีเขียวอมฟ้า
สีที่สี่ตกเป็นของ Deep Lake หรือสีเขียวอมฟ้านั่นเอง สีเขียวเฉดนี้เข้าได้กับทุกเพศ ทุกวัย และใช้งานได้ในทุกกิจกรรม แถมยังถูกยกให้เป็นสีที่แสดงให้เห็นถึงพลังงานจากธรรมชาติ เป็นสีของน้ำทะเลลึก
สีของทองแดงที่ถูกกัดกร่อน และเป็นสีของสาหร่ายชนิดหนึ่งที่จะมาเป็นหนึ่งในพลังงานสะอาดในอนาคตอีกด้วย สีเขียวเฉดนี้จึงถูกยกให้เป็นตัวแทนของธรรมชาติยุคใหม่ ขณะเดียวกันในวงการ
ออกเเบบยังมองว่าสีเขียว Deep Lake เป็นสีที่ให้ ความรู้สึกปลอบประโลม แสดงถึงความหวัง การฟื้นฟู ดังนั้นจึงเหมาะมากที่จะนำมาใช้ในงานออกแบบพื้นที่ภายในบ้าน เพราะจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายแต่ก็ยังคงความหรูหราเอาไว้ได้
5. Scarlet Sage สีแดงก่ำ
สีต่อมาสีแห่งความหลงใหล และเร่าร้อน จะเป็นสีอะไรไปไม่ได้นอกจาก Scarlet Sage หรือสีแดงก่ำ เป็นเฉดสีที่ถูกคาดว่าจะเป็นเฉดสีหลักของฤดูร้อนในปี 2023 เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นเฉดสีที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ที่อยากได้รับการกระตุ้นจากสีสันที่ฉูดฉาด ต้องการการเติมพลังเเละความหลงใหล สีแดงเฉดนี้ยังเชื่อมโยง กับวัฒนธรรมของหลาย ๆ พื้นที่ทั่วโลก ทำให้เข้าถึงผู้คนอย่างหลากหลาย ด้วยเหตุนี้จึงมีศิลปินมากมายเลือกใช้สีแดงเฉดนี้ ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
6. Phlox สีม่วงเข้ม
มาถึงสีที่หกได้แก่ Phlox หรือสีม่วงเข้ม จริง ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่สีนี้จะติดอันดับสีที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2023 เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้โลกเราได้เข้าสู่ยุค Metaverse หรือโลกเสมือนจริง งานศิลปะยุคใหม่เริ่มหันมาสร้างผลงานดิจิทัลบนโลกเสมือนจริง ศิลปินหลาย ๆ ท่านได้มีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานของตนเองบนโลกดิจิทัล ทำให้สีม่วง Phlox ถูกใช้ในงานด้านดิจิทัลมากขึ้น เพราะสีม่วงเฉดนี้ก็ให้อารมณ์ความรู้สึกที่เหนือจริง และค่อนข้างแฟนตาซี
7. Moonless Night สีดําเทา
มาถึงสีสุดท้ายกันแล้วซึ่งก็ได้แก่ Moonless Night หรือสีดําเทานั่นเอง สีดำนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มยอดฮิตตลอดกาล มักเป็นตัวแทนของความลึกลับ ความเย้ายวน ความชัดเจน ตรงไปตรงมา แต่สำหรับสีดำเฉด Moonless Night ในปี 2023 จะเน้นสื่อสารถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทั้งในแง่สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้สีดำเทายังถูกใช้ในการรณรงค์ด้านความเท่าเทียมทางเพศอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะตอบโจทย์ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงของคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม คน Gen Z
เป็นยังไงกันบ้าง ทุกคนชอบสีไหนเป็นพิเศษบ้างไหม? นอกจากเทรนด์สีที่เปลี่ยนไปเรายังเห็นได้ว่าวิถีชีวิต ความคิด กระเเสนิยมต่าง ๆ ของผู้คนยังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย ถ้าเราลองมองดูดี ๆ ก็จะพบว่าสีทั้ง 7 ล้วนมีความหมายในตัวเอง แค่เลือกใช้สีให้เหมาะสมเราก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนอื่นรับรู้ได้อย่างมีสไตล์แล้ว!
Source: http://bit.ly/3AxamiX
Comments